วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เรื่องของขนมคุ๊กกี้ห่อหนึ่ง





ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก
มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี 
จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบิน
เพื่อไปจุดหมายปลายทาง 
เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ 
และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ 
เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง 
เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้ 
เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ
เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆเธอมีชายหนุ่ม
ซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ 
ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุง 
ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น 
เธอมองด้วยความโกรธ 
แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ 
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา 
ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย 
กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า 
"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็.... 
ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย" 
ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น 
ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น ทั้งสองส่งสายตามองกัน 
เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย 
เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร 
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ 
ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น 
ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น 
เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า 
"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ 
ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ" 
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง 
ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม 
ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่ง 
ประจำที่อย่างสบายแล้ว 
เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง 
ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า
ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก 
ถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า..... 
คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน 
เธอลุกขึ้นทันที
แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม 
แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า 
มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม
ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ 
เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท เป็นหัวขโมยที่ไร้การ 
ศึกษาตัวจริง

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า 
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง
มันเป็นการเข้าใจผิด 

มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น 
และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง 
ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย 
นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น
หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น 
ควรมองผู้อื่นในแง่ดี แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า 
"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง? 
เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น